มารู้จักกรรมวิธีการผลิต น้ำยาปรับผ้านุ่มกันดีกว่า
ปัจจุบันนี้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ถือเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งในกระบวนการซักผ้า ถ้าซักผ้าครั้งใดไม่ได้ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มในกระบวนการซัก
จะมีความรู้สึกว่าผ้ามีกลิ่นอับ รีดยาก เวลาสวมใส่แล้วก้าวเดินจะมีความรู้สึกว่าผ้าลีบติดตัวหรือผ้าจะถูกดูด ผ้าไม่มีความนุ่มฟู สารพัดกับปัญหาเรื่องผ้า
เพราะฉนั้น วันนี้เราจึงจะมาดูกันว่าในน้ำยาปรับผ้านุ่ม ส่วนใหญ่เขาใส่อะไรกันบ้าง ทำไมถึงทำให้ผ้านุ่มฟู และแก้ปัญหาเรื่องต่างๆได้ดีเยื่ยม
ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปรับสภาพของผ้า และทำให้ผ้านุ่มขึ้นนั่นก็คือ น้ำยาปรับผ้านุ่ม (fabric softener) น้ำยาปรับผ้านุ่มถูกนำมาใช้ตามบ้านเรือนนานกว่า 60 ปีแล้ว โดยน้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ
(1) ชนิดที่ใช้ภายหลังการซักผ้าโดยผสมกับน้ำสุดท้ายที่ใช้ล้างผ้า
(2) ชนิดที่ใช้ผสมกับผงซักฟอกโดยใส่ขณะกำลังซักผ้าและ
(3) ชนิดที่ใช้กับตู้อบผ้า
น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้นอกจากจะให้ความนุ่มแล้ว ยังช่วยรักษาคุณสมบัติทางกายภาพบางอย่างให้กับเสื้อผ้าอีก โดยไปเคลือบเส้นด้าย (yarn) และเส้นใย (fibers) ด้วยสารหล่อลื่น (lubricants) และสารคงความชื้น (humectants) ทำให้รู้สึกว่าผ้าลื่น นุ่มและมีความยืดหยุ่นจากการหล่อลื่นภายใน (internal lubrication) เส้นใย (fibers) ให้ความรู้สึกที่ดีเวลาสัมผัสเสื้อผ้า อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศทางตะวันตกคือ ความสามารถในการลดประจุไฟฟ้าสถิตบนผ้าใยสังเคราะห์ซึ่งเกิดจากการเสียดสีกันระหว่างเส้นใย และยังทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมเพิ่มมากขึ้นด้วย
สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่ม (fabric softener formulations)
สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มควรจะประกอบไปด้วยสารต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. สารออกฤทธิ์ที่ทำให้ผ้านุ่ม น้ำยาปรับผ้านุ่มแบบธรรมดาจะประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ประมาณ 3-7 % สารออกฤทธิ์ที่ใช้ทำน้ำยาปรับผ้านุ่มมีให้เลือกหลายชนิด ที่นิยมใช้กันแพร่หลาย เช่น สารประกอบควอเทอนารี แอมโมเนียม (quaternary ammonium compound) (รูปที่ 2) ซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิวที่มีประจุบวกที่ใช้ทำน้ำยาปรับผ้านุ่ม ได้แก่ ไดทาโลว ไดเมทิล แอมโมเนียม คลอไรด์ (ditallow dimethyl ammonium chloride, DTDMAC ซึ่งมีชื่อเรียกทางการค้าว่า “Arquad 2HT-75”) สารนี้ให้ผลดีเรื่องความนุ่ม (softening) ช่วยในการต้านไฟฟ้าสถิต และมีราคาถูก แต่มีข้อเสียคือ ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและเป็นพิษกับสัตว์น้ำ จึงทำให้สารชนิดนี้ไม่ได้รับความนิยมทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา
2. ตัวทำอิมัลชัน (emulsifiers) สารออกฤทธิ์ชนิดนี้สามารถใช้ร่วมกับสารอื่นๆ ที่เป็นตัวเสริมสารออกฤทธิ์และเป็นตัวทำอิมัลชันให้สารออกฤทธิ์ สารที่ช่วยเสริมสารออกฤทธิ์มีหลายชนิด เช่น กรดไขมันและสารที่ไม่มีประจุ (nonionics) เช่น แอลกอฮอล์อีทอกซิเลต (alcohol ethoxylate :C14-C15 alcohol-7EO) หรือกลีเซอรอล โมโนสเตียเรต (glycerol monostearate) สารที่ไม่มีประจุช่วยให้สารออกฤทธิ์กระจายตัวได้ดีขึ้นขณะใส่ลงไปในน้ำล้างสุดท้าย ช่วยลดปัญหาในกระบวนการผลิตและลดข้อเสียเกี่ยวกับความสามารถในการดูดน้ำของผ้าที่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นประจำ
3. สารฆ่าเชื้อโรค น้ำยาปรับผ้านุ่มมีสารออกฤทธิ์ที่มีประจุบวก ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย (anti-bacterials) ได้ แต่ก็สามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดเช่นกัน การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรานี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถสังเกตเห็นได้จากกลิ่นเหม็นที่เกิดขึ้นหรือจากการแยกชั้น ดังนั้นจึงต้องใส่สารฆ่าเชื้อในน้ำยาปรับผ้านุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาปรับผ้านุ่มเสีย การใส่สารฆ่าเชื้อในน้ำยาปรับผ้านุ่มนี้ไม่ได้มีผลเสียต่อประสิทธิภาพของน้ำยาปรับผ้านุ่มเลย
4. อิเล็กโทรไลต์ (electrolytes) ส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีลักษณะข้นเกินไป สามารถปรับให้เหลวลงได้โดยใช้สารพอลิเอทิลีน ไกลคอล (Polyethylene glycol) น้ำกระด้างหรือเกลือ เช่น โซเดียมคลอไรด์(sodium chloride) ซึ่งเป็นอิเล็กโทรไลต์ แต่ปริมาณอิเล็กโทรไลต์ที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดการแยกชั้นของน้ำยาปรับผ้านุ่มได้
5. สารที่ใช้ปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) เมื่อค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำยาปรับผ้านุ่มสูงกว่า 4.0-4.5 ให้เติมกรดแร่เจือจางหรือกรดอินทรีย์จำนวนเล็กน้อยเพื่อปรับให้ได้ค่าความเป็นกรด-ด่าง ตามความต้องการ
6. น้ำ จะถูกเติมลงในส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีความข้นมากๆ โดยใช้น้ำที่ไม่มีการปนเปื้อนของแร่ธาตุ (demineralised water)
สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรที่ 1
สารเคมีที่ใช้ (สูตรที่ 1) |
ปริมาณสารที่ใช้ (%) |
สารออกฤทธิ์ที่มีประจุบวก ไดทัลโล ไดเมทิล แอมโมเนียม คลอไรด์ (ditallow dimethyl ammonium chloride, DTDMAC) 75% |
3-7 |
น้ำหอมและสี |
ตามความต้องการ |
สารต่อต้านเชื้อรา (anti-microbial agent) และสารอื่น เช่น อิเล็กโทรไลต์ |
ตามความต้องการ |
กรดสำหรับปรับค่าความเป็นกรด-ด่างให้ได้ประมาณ 4-6 |
ตามความต้องการ |
น้ำที่กำจัดประจุออกไป |
ใส่ให้ครบ 100 |
สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้ส่วนผสมต่างกัน (สูตร A-D)
สารเคมีที่ใช้ |
สูตร A |
สูตร B |
สูตร C |
สูตร D |
ระดับความเข้มข้น |
(%) |
(%) |
(%) |
(%) |
DSDMAC |
2-3.5 |
3-4 |
4-6 |
4-6.5 |
อิมมิดาโซลีน (imidazoline) |
4-5.5 |
0.5-3 |
- |
- |
ไดเอทานอลเอไมด์ (diethanolamide) |
- |
- |
0.5-1 |
- |
กรดสเตียริก (stearic acid) |
- |
0.3-0.8 |
- |
1-2 |
ซิลิโคน (silicone) |
0.1-0.3 |
0.1-0.3 |
0.02-0.05 |
- |
กลีเซอรอลเอสเทอร์ (glycerol ester) |
- |
0.5-1.5 |
- |
- |
พอลิเอทอิลีนไกลคอล (polyethylene glycol) ใช้ปรับความข้นเหลว |
1-2 |
- |
- |
- |
น้ำหอม สารกันเสีย สี น้ำ |
เติมให้ครบ 100 |
สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตร E และสูตร F
สารเคมีที่ใช้ |
สูตร E |
สูตร F |
ระดับความเข้มข้น |
(%) |
(%) |
สารออกฤทธิ์ |
2.5-4.0 |
4.0-8.5 |
Nonionic |
- |
0-0.2 |
สี |
มีได้ |
มีได้ |
สารเพิ่มความขุ่น |
0-1.0 |
0-1.0 |
น้ำหอม |
0.1-0.5 |
0.1-0.5 |
สารฆ่าเชื้อ |
0.1 |
0.1 |
แอลกอฮอล์ |
มีได้ |
มีได้ |
น้ำ |
ตามความต้องการ |
ตามความต้องการ |
การตรวจสอบคุณภาพของน้ำยาปรับผ้านุ่มหลังการผลิต (testing of fabric softener)
น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผลิตเสร็จแล้วจะต้องตรวจสอบคุณภาพสินค้าในทุกด้านเช่นเดียวกับการตรวจสอบสินค้าชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคงทนต่อการเก็บและความคงทนของน้ำหอมที่ใช้ในน้ำยาปรับผ้านุ่ม การตรวจสอบคุณภาพ โดยทั่วไปมีดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลสินค้า
- ลักษณะสินค้า : เป็นของเหลว (ตัวอย่างของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ดังแสดงในรูปที่ 3)
- ความเป็นกรด-ด่าง : 4.0 - 6.0 หรือแล้วแต่ต้องการ
- สี : ฟ้าขุ่นหรืออื่นๆ
- กลิ่น : ดอกไม้
- ความถ่วงจำเพาะ (specific gravity) : ประมาณ 0.998
- จุดติดไฟ (flash Point) : ไม่ติดไฟ
บทความนี้ คงจะฃ่วยให้ผู้ใช้พอมีความเข้าใจมากขึ้นสำหรับน้ำยาปรับผ้านุ่ม คุณสมบัติ การใช้ การผลิต รวมถึงมั่นใจในบริษัทผู้ผลิต
ที่คัดสรรผลิตภัณฑ์มาให้ตามเกณฑ์และข้อกำหนดข้างบนนี้
เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม "เวฟ" ช่วยทำให้ผ้านุ่ม ลดกลิ่นอับชื้น แม้ตากในที่ร่ม หอมนานกว่าเดิม เพิ่มตัวจับล็อคกลิ่นให้หอมสดชื่นตลอดการสวมใส่
Tel/Line : 089-7841136 087-5662623
ร้านค้าออนไลน์ Copyright (c) 2009-2012 By Plazacool.com All Rights Reserved. Query time : 0.0115 sec |